เที่ยวดอยอินทนนท์

โครงการ Soft Power วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทยด้านภาพยนตร์ให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก

77
VIEWS
Share on line
Share on facebook
Share on twitter
Share on email

วันนี้กินดีอยู่เหนืออยากพาทุกคนมารู้จักกับโครงการสำคัญของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่กำลังผลักดัน “วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทยด้านภาพยนตร์” ให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายการสร้างพลังสร้างสรรค์ของประเทศ เพราะในยุคที่ภาพยนตร์ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่คือหนึ่งใน พลังทางวัฒนธรรม (Soft Power) ที่ทรงอิทธิพล กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงเดินหน้าโครงการสำคัญ ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อผลักดัน วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทยด้านภาพยนตร์ ให้เติบโตอย่างเป็นระบบ และพร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ

หัวใจของโครงการนี้ คือการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลทางวัฒนธรรมจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ ซีรีส์ และสื่อสร้างสรรค์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ช่วยให้การวางแผนถ่ายทำเป็นเรื่องง่าย แม่นยำ และเชื่อถือได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อ

  • ส่งเสริมการใช้ วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทยให้เกิดรายได้แก่ชุมชน จังหวัด และประเทศ
  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลภาพยนตร์ เพื่อใช้วิเคราะห์และวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย
  • สร้างการมีส่วนร่วมจากเครือข่ายวัฒนธรรมทั่วประเทศ ในการผลักดันวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทย
  • และที่สำคัญ คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่นำข้อมูลไปใช้งานจริง

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลักดันให้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเติบโต แข็งแรง และมีศักยภาพแข่งขันในระดับโลกได้อย่างแท้จริง ว่าแล้วก็ไปชมตัวอย่างโลเครชั่นสวยๆของประเทศไทยกัน


 

โครงการ Soft Power วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทย ด้านภาพยนตร์ให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก


กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร คือเมืองที่รวมทุกความหลากหลายไว้ในที่เดียว ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และสังคมเมืองสมัยใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ และโฆษณาในหลากหลายแนว โลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ พระราชวังพญาไท สวนเบญจกิติ และ ไอคอนสยาม ซึ่งให้บรรยากาศตั้งแต่ความโรแมนติก คลาสสิก ไปจนถึงความล้ำสมัย ครบทุกอารมณ์ในเมืองเดียว

  • ไอคอนสยาม

โครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 55 ไร่ เชื่อมโยงศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารพักอาศัยระดับไอคอนิก และพื้นที่ศิลปวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์” ไอคอนสยามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เทคโนโลยีระดับโลก และการผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับไลฟ์สไตล์สากล จึงเป็นโลเคชันที่ตอบโจทย์งานถ่ายทำภาพยนตร์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

  • สวนเบญจกิติ

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ออกแบบภายใต้แนวคิด เมืองฟองน้ำ (Sponge City) มีบึงน้ำขนาดใหญ่และพื้นที่สีเขียวที่คงระบบนิเวศธรรมชาติไว้มากที่สุด ทำหน้าที่เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ บรรยากาศที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติกับเส้นขอบฟ้าเมือง ทำให้สวนเบญจกิติเป็นโลเคชันที่สวยงามและร่วมสมัย เหมาะกับงานถ่ายทำที่ต้องการภาพเมืองสีเขียว

  • พระราชวังพญาไท

อดีตพระราชวังในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตกอันงดงาม เช่น พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และพระที่นั่งพิมานจักรี สะท้อนกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ความสง่างาม และเรื่องราวในอดีตได้อย่างลึกซึ้ง


สุพรรณบุรี

สุพรรณบุรี เมืองประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน และตำนานที่ยังมีชีวิต เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชุมชน ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไทย-จีน เหมาะสำหรับงานถ่ายทำที่ต้องการบรรยากาศอบอุ่น อดีตที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และมีเรื่องเล่าโลเคชันสำคัญ ได้แก่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คุ้มขุนแผน  พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร  ตลาดสามชุก และ ตลาดเก้าห้อง

  • วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

วัดคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโบราณ เป็นโบราณสถานสำคัญในลุ่มแม่น้ำท่าจีน และเป็นที่ค้นพบพระเครื่องชื่อดังอย่าง พระผงสุพรรณ และ พระมเหศวร หนึ่งในพระเบญจภาคี สะท้อนคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศรัทธาของชาวพุทธ

  • คุ้มขุนแผน (วัดแค)

เรือนไทยภาคกลางที่สร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์วรรณคดีเรื่อง ขุนช้างขุนแผน โครงสร้างเรือนไทยแบบดั้งเดิม พร้อมตำนาน เสาตกน้ำมัน และ ต้นมะขามยักษ์ อายุกว่าพันปี ทำให้พื้นที่แห่งนี้เหมาะกับงานถ่ายทำแนวประวัติศาสตร์ แฟนตาซี และเรื่องเล่าพื้นบ้าน

  • พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

พิพิธภัณฑ์รูปทรงมังกรอันโดดเด่น สร้างขึ้นเพื่อนำเสนอความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มีมาอย่างยาวนาน ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์จีนและชาวไทยเชื้อสายจีนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งแสง สี เสียง และสื่อมัลติมีเดีย เป็นโลเคชันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก นอกจากตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ภายในบริเวณยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ได้แก่ หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล)

 

  • ตลาดสามชุก

ตลาดริมน้ำอายุกว่า 100 ปี ที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม บ้านไม้โบราณ และบรรยากาศการค้าขายแบบอดีต จนได้รับสมญา “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” เหมาะสำหรับงานถ่ายทำที่ต้องการกลิ่นอายชุมชนไทยแท้

  • ตลาดเก้าห้อง

ตลาดเก่าไทย-จีนริมแม่น้ำในอำเภอบางปลาม้า เต็มไปด้วยเรือนไม้โบราณ อาหารพื้นบ้าน และขนมโบราณหาชิมยาก เป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่ถ่ายทอดเสน่ห์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน


บุรีรัมย์

อีกหนึ่งจังหวัดที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างทรงพลัง ทั้งมิติของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิประเทศที่แตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน โลเคชันในจังหวัดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการกลิ่นอายของอารยธรรมโบราณ ความศักดิ์สิทธิ์ และการผจญภัยลึกลับน่าค้นหา ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทหนองหงส์ และ เสาหินบะซอลต์ภูเขาไฟ ซึ่งล้วนสะท้อนเอกลักษณ์ของบุรีรัมย์ได้อย่างชัดเจน พร้อมมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์

  • ปราสาทหินพนมรุ้ง

เป็นโบราณสถานสำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟเก่าที่ดับสนิทแล้ว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,320 ฟุต ตัวปราสาทสร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพูเป็นส่วนใหญ่ และมีการก่อสร้างต่อเนื่องหลายยุคสมัย ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 15 – 18 ปราสาทแห่งนี้เปรียบเสมือน “เขาไกรลาส” อันเป็นที่ประทับของพระศิวะ และเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ก่อนจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายานในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หนึ่งในไฮไลท์สำคัญ คือ ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ส่องแสงลอดผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงปีละ 4 ครั้ง

  • ปราสาทเมืองต่ำ

ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นศาสนสถานศิลปะขอมแบบบาปวน ผสมผสานศิลปะแบบคลัง สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 17 สถาปัตยกรรมภายในปราสาทสะท้อนฝีมือช่างหลวงในระดับสูง รายละเอียดงดงามไม่แพ้ปราสาทพนมรุ้ง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ แฝงความขลัง เหมาะกับการถ่ายทำฉากโบราณทางประวัติศาสตร์

  • ปราสาทหนองหงส์

ตั้งอยู่ใน ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง เป็นปราสาทอิฐก่อบนฐานศิลาแลง มีปราสาทประธานเป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง พร้อมซุ้มประตูด้านหน้าและด้านหลัง

  • เสาหินบะซอลต์ภูเขาไฟ

หรือที่หลายคนเรียกว่า แกรนด์แคนยอน บุรีรัมย์ เกิดจากการค้นพบในการขุดบ่อกักเก็บน้ำของหมู่บ้าน จนเผยให้เห็นเสาหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ที่ยังคงความสมบูรณ์ มีลวดลายเป็นริ้วชั้นของหินเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ เสาหินเหล่านี้เกิดจากหินอัคนีที่แตกแยกออกเป็นแท่งยาวคล้ายเสาตั้งเรียงขนานกัน โดยแต่ละแท่งมีหน้าตัดเป็นรูปหลายเหลี่ยม อันเป็นผลจากกระบวนการเย็นตัวและแข็งตัวของหินหนืดหรือลาวา เมื่ออุณหภูมิลดลง หินจะเกิดการหดตัวจนเกิดรอยแยก กลายเป็นเสาหินบะซอลต์ในลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน


สุรินทร์

เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมท้องถิ่น เหมาะสำหรับการใช้เป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ด้วยบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ กลิ่นอายชุมชน เรื่องเล่าทางวัฒนธรรม และมุมภาพที่ให้ได้หลายอารมณ์ในพื้นที่เดียวโลเคชันสำคัญของจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ โครงการโลกของช้าง หมู่บ้านทอผ้าไหมท่าสว่าง ปราสาทศีขรภูมิ และ วนอุทยานพนมสวาย ซึ่งทั้งหมดล้วนสะท้อนตัวตนของเมืองแห่งนี้ได้อย่างครบถ้วน

  • โครงการโลกของช้าง

สถาปัตยกรรมอิฐแดงขนาดใหญ่ ออกแบบให้คนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ลักษณะคล้ายเขาวงกต ใช้แนวคิด “Sound Brick” เพื่อการถ่ายเทอากาศ ลม และเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมต้นไม้ให้ร่มเงาตลอดเส้นทาง ออกแบบโดย บุญเสริม เปรมธาดา (Bangkok Project Studio) เพื่อยกระดับวิถีชีวิตคนกับช้างของชาวกูย ภายในประกอบด้วยลานแสดงช้าง หอชมทิวทัศน์อิฐ พิพิธภัณฑ์ช้าง และซุ้มประตูทางเข้า ถ่ายทอดวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน

  • หมู่บ้านทอผ้าไหมท่าสว่าง

เป็นแหล่งผ้าไหมยกทองที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โดดเด่นด้วยการผสมผสานลวดลายราชสำนักกับเทคนิคพื้นบ้าน โดยเส้นไหมที่เล็กและบางเบา นำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี ได้แก่ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และ สีครามจากเมล็ดคราม สอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่นำมารีดเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย ใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายด้วยความซับซ้อน ด้วยเทคนิคการทอนี้ จึงทำให้ได้ผลงานผ้าออกมาเพียงวันละ 4 – 5 เซนติเมตรเท่านั้น

 

  • ปราสาทศีขรภูมิ

เป็นปราสาทหินอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน สร้างในพุทธศตวรรษที่ 17 ซึ่งตรงกับศิลปะนครวัด ตัวปราสาทก่อสร้างด้วยอิฐ หินทราย และศิลาแลง มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว จุดเด่นคือทับหลังหินทรายสลักภาพศิวนาฏราช

  • วนอุทยานพนมสวาย

 

มีพื้นที่ครอบคลุม 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลสวาย ตำบลนาบัว และตำบลประทัดบุ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวาย มีเนื้อที่ประมาณ 1,975 ไร่ จุดชมวิวสามารถมองเห็นเขาพนมรุ้งและเขากระโดง ภายในวนอุทยานยังมี อ่างดอกบัว ซึ่งเกิดจาดน้ำตกผาดอกบัวไหลมารวมกันจนเกิดเป็นอ่างเก็บน้ำ เขาพนมสวาย ตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วกว่าล้านปี จึงทำให้มีหินภูเขาไฟกระจายอยู่ทั้วไปจำนวนมาก ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐาน พุทธสุรินมงคล อยู่บนยอดเขาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจชาวเมืองสุรินทร์ เส้นทางขึ้นเขาเรียงรายด้วยระฆัง 1,080 ใบ


สระแก้ว

สระแก้ว เป็นจังหวัดที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งภูเขา น้ำตก และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เหมาะสำหรับใช้เป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการบรรยากาศธรรมชาติ โรแมนติก และการผจญภัยในพื้นที่เดียว โลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ อุทยานแห่งชาติปางสีดา และ ละลุ

  • วัดถ้ำเขาฉกรรจ์

ตั้งอยู่บนเขาฉกรรจ์ เป็นภูเขาหินปูนดึกดำบรรพ์ บริเวณโยรอบเต็มไปด้วยป่าเบญจพรรณหลากหลาย ผลัดใบตัดสลับผืนป่า โดยมี เขาฉกรรจ์ เป็นลูกใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง มี ภูเขามิ่ง อยู่ด้านซ้าย และ เขาผา อยู่ด้านขวา ภายในแฝงไปด้วยความขลัง ไฮไลท์คือยามเย็นมีฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำเป็นเส้นสาย เป็นภาพที่ทั้งสวยงามและหาชมได้ยาก เหมาะกับฉากที่ต้องการความอลังการและพลังของธรรมชาติ

  • อุทยานแห่งชาติปางสีดา

ผืนป่าขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมด 844 ตารางกิโลเมตร หรือ 527,500 ไร่ อุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติและน้ำตกหลายแห่ง เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด และเป็นแหล่งดูผีเสื้อสำคัญของไทย พบผีเสื้อมากกว่า 400 ชนิด โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ไฮไลท์คือ น้ำตกปางสีดา น้ำตกหน้าผาสูงประมาณ 10 เมตร ให้บรรยากาศธรรมชาติสดชื่น ร่มรื่น

  • ละลุ

“ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอายุกว่า 20,000 ปี เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนจนดินยุบตัว กลายเป็นแท่งดินและกำแพงดินรูปร่างแปลกตา คล้ายกำแพงเมือง หน้าผา และแท่งดินสูงต่ำสลับกันไปทั่วพื้นที่กว้างใหญ่กระจายอยู่บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่


จันทบุรี

จังหวัดที่ผสมผสานธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับงานถ่ายทำที่ต้องการบรรยากาศโรแมนติก ศิลปะ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย แลนด์มาร์กสำคัญคือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ชุมชนริมน้ำจันทบูร วัดป่าคลองกุ้ง และ มัสยิดจันทบุรี มาพร้อมมุมกล้องสวยๆ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ครบทุกมิติ

  • อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรี ที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี สถาปัตยกรรมแบบกอทิกโดดเด่นด้วยหอแหลมสูงและกระจกสีโบราณ ภายในงดงามด้วยแสงที่ส่องผ่านสเตนกลาส และภายในโบสถ์ยังมีองค์แม่พระประดับตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด ให้ภาพความสง่างาม อบอุ่น และโรแมนติก นับได้ว่าโบสถ์คาทอลิกแห่งนี้เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่และกล่าวกันว่ามีความงดงามมากที่สุดในภาคตะวันออก

  • ชุมชนริมน้ำจันทบูร

เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีด้านตะวันตก ที่ยังคงเสน่ห์ของบ้านไม้โบราณและวิถีชีวิตดั้งเดิมปีของชาวจีนและญวน ที่อพยพมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ถนนสายเล็กๆ บ้านเก่าอายุกว่าร้อยปี และผู้คนในชุมชน เป็นโลเคชันที่สะท้อนเสน่ห์ของชุมชนและวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน โดยมี บ้านหลวงราชไมตรี อายุเก่าแก่กว่า 150 ปี เป็นจุดเด่นสำคัญ เหมาะสำหรับฉากชีวิตเรียบง่าย อบอุ่น และย้อนเวลา

  • วัดป่าคลองกุ้ง

วัดสายวิปัสสนาที่มีความสงบ ร่มรื่น ก่อตั้งโดย พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมมธโร) ได้จาริกธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ เดิมทีเป็นที่ดอนติดกับชายทุ่งนามีเนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา เป็นป่าละเมาะและกอไผ่ป่าขึ้นอยู่ทั่วไป ภายในเจดีย์ทรงคว่ำได้ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ และ พระพุทธรูปจำลองจากอินเดีย ซึ่งภายในศาลาประกอบไปด้วยพระพุทธรูปมากมาย เช่น พระพุทธสีสิงห์ พระเรืองแสน หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อโสธร เป็นต้น

  • มัสยิดจันทบุรี

ศูนย์กลางศาสนกิจของชาวมุสลิมในจังหวัด ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมุสลิมทั้งไทยและต่างชาติ ที่แวะมาประกอบศาสนกิจเมื่อเดินทางมาเที่ยวจันทบุรี


เชียงใหม่

เชียงใหม่ คือจังหวัดที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างลงตัว ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย วิถีชีวิตชุมชนที่อบอุ่น วัฒนธรรมดั้งเดิม และธรรมชาติอันงดงาม โลเคชันในจังหวัดนี้เหมาะสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการกลิ่นอายของวิถีชีวิตเรียบง่าย ความโรแมนติก และการผจญภัยท่ามกลางขุนเขา พร้อมมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์ ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ หมู่บ้านอรุโณทัย แปลงชา 2000 บ้านป่าบงเปียง และ ผาช่อ ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ได้อย่างชัดเจน

  • หมู่บ้านอรุโณทัย

หมู่บ้านชาวไทยเชื้อสายจีนในอำเภอเชียงดาว โอบล้อมด้วยขุนเขาและธรรมชาติ ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย สืบสานวิถีชีวิตแบบจีนยูนาน ทั้งภาษา วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น บรรยากาศเงียบสงบ อบอุ่น เหมาะกับงานถ่ายทำที่ต้องการภาพของวิถีชุมชนดั้งเดิม ความเรียบง่าย และความผูกพันระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ

  • แปลงชา 2000

โลเคชันกลางดอยอ่างขาง เป็นส่วนหนึ่งของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ผืนไร่ชาทอดยาวท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก โดยส่งเสริมพัฒนาพื้นที่จากภูเขาหัวโล้นเป็น ไร่ชาอินทรีย์ ให้กับเกษตรกรชาวเขา จำนวนพื้นที่ปลูกทั้งหมด 50 ไร่ มีการซื้อผลผลิตจากเกษตรกร เพื่อนำมาแปรรูปที่โรงงานอ่างขาง โดยได้รับการรับรองการผลิตตามมาตรฐานต่างๆ ได้แก่ HACCP, GMP, GAO, IFOAN ในช่วงต้นปี ดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมพูและขาวจะบานสลับกับไร่ชา สร้างบรรยากาศโรแมนติกเหมือนอยู่ต่างประเทศ

  • บ้านป่าบงเปียง

หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ ต.ช้างเผือก อ.แม่แจ่ม บนสันเขาสูงกว่า 1,000 เมตร โดดเด่นด้วย นาข้าวขั้นบันได ที่เรียงลดหลั่นตามไหล่เขา ในช่วงเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน พื้นที่ทั้งหมู่บ้านจะเขียวขจี และมีทะเลหมอกยามเช้า วิถีชีวิตของชาวบ้านเรียบง่าย ผูกพันกับการทำนาและธรรมชาติ เหมาะสำหรับการถ่ายทำที่ต้องการภาพความสงบ ความงามของภูมิประเทศ และชีวิตชนบทบนพื้นที่สูง

  • ผาช่อ

แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติใน อุทยานแห่งชาติแม่วาง อ.ดอยหล่อ โดดเด่นด้วยหน้าผาดินตะกอนสูงชันที่ถูกน้ำกัดเซาะจนเกิดลวดลายเป็นชั้นๆ คล้าย แกรนด์แคนยอน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีทั้งทางเดินปกติและทางน้ำเซาะ ให้บรรยากาศลึกลับ น่าค้นหา


แพร่

แพร่ คือจังหวัดที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างลงตัว ผ่านประวัติศาสตร์ล้านนา วิถีชีวิตชุมชนที่อบอุ่น และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ผสานธรรมชาติอย่างกลมกลืน โลเคชันในจังหวัดนี้เหมาะสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการกลิ่นอายของความสงบ ความศรัทธา ความโรแมนติก และการผจญภัยท่ามกลางภูเขาและเส้นทางธรรมชาติ พร้อมมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์ ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ วัดพระธาตุช่อแฮ วัดบ้านนาคูหา ถนนลอยฟ้า วัดพระธาตุปูแจ ดอยผากลอง และ คุ้มเจ้าหลวง ซึ่งล้วนสะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่ได้อย่างชัดเจน

  • วัดพระธาตุช่อแฮ

พระอารามหลวงคู่บ้านคู่เมืองแพร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบอย่างสงบงดงาม เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีขาล ให้บรรยากาศของความศรัทธา ความขลัง และศิลปะล้านนาประยุกต์ ภายในวิหารประดิษฐาน พระพุทธโลกนาถบพิตร

  • วัดบ้านนาคูหา

วัดกลางทุ่งนาในหมู่บ้านนาคูหา โดดเด่นด้วยองค์ พระเจ้าตนหลวงขนาดใหญ่ และ สะพานไม้ไผ่ทอดยาวพาดผ่านทุ่งนา เปิดมุมมองสู่ธรรมชาติรอบวัดอย่างสวยงาม ตลอดเส้นทางมีบ้านต้นไม้และจุดเขียนคำอวยพร สร้างบรรยากาศโรแมนติก อบอุ่น และเรียบง่าย

  • ถนนลอยฟ้า

ถนนสาย 1343 เส้นทางบนสันเขาที่ทอดยาวท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติ ช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม จะเขียวขจีทั่วทั้งแนวเขา โดยเฉพาะยามเช้าที่มีหมอกบาง และยามเย็นที่แสงอาทิตย์ตกดิน

  • วัดพระธาตุปูแจ

โบราณสถานสำคัญที่มีอายุนับร้อยปี เคยได้รับการบูรณะจากเจ้าผู้ครองนครแพร่หลายพระองค์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสถานแห่งชาติ บรรยากาศเงียบสงบ แฝงด้วยความเก่าแก่และความศักดิ์สิทธิ์

  • ดอยผากลอง

ภูเขาหินปะการังที่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังจุดชมวิว ระยะทางประมาณ 800 เมตร ระหว่างทางสามารถพบพรรณไม้และกล้วยไม้ที่ขึ้นตามหน้าผาหินได้หลากหลายชนิด ให้บรรยากาศของการผจญภัยเบาๆ ผสานความงดงามของธรรมชาติ

  • คุ้มเจ้าหลวง

อาคารประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองแพร่ สร้างขึ้นในสมัยเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปแบบขนมปังขิง ตัวอาคารหรูหรา โอ่โถง มีประตูหน้าต่างถึง 72 บาน ตกแต่งด้วยลายฉลุไม้ละเอียดงดงาม ภายในยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทั้งห้องบรรทม ห้องจัดแสดง และพื้นที่คุมขังในอดีต โดยทั้งสองห้องมีช่องพอให้แสงเข้าถึงไปได้บ้าง


กาญจนบุรี

กาญจนบุรี ดินแดนชายแดนตะวันตก โดยเฉพาะพื้นที่ อำเภอทองผาภูมิ เป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างมีพลัง ทั้งธรรมชาติของภูเขา น้ำตก และบรรยากาศชายแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว พื้นที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการอารมณ์การผจญภัย ความโรแมนติก และกลิ่นอายของชุมชนท่ามกลางธรรมชาติอันลึกลับน่าค้นหา ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ บ้านอีต่อง เนินช้างศึก น้ำตกจือกกระดิ่น และ เหมืองปิล็อก ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ และสามารถสร้างภาพจำที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์ได้อย่างลงตัว

  • บ้านอีต่อง

หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ตั้งอยู่ที่ ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ บ้านอีต่องขึ้นชื่อเรื่องสายหมอกที่ปกคลุมแทบตลอดทั้งปี บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตเรียบง่าย อบอุ่น แลโรแมนติก

  • เนินช้างศึก

อยู่ห่างจากบ้านอีต่องประมาณ 2.7 กิโลเมตร จุดชมวิวสำคัญที่สามารถมองเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก พร้อมโอกาสพบทะเลหมอกที่ปกคลุมทั่วหุบเขา ให้ภาพมุมสูงที่สวยงาม

  • น้ำตกจือกกระดิ่น

ตั้งอยู่ห่างจากบ้านอีต่องราว 7.8 กิโลเมตร ชื่อของน้ำตกเพี้ยนมาจากคำว่า “ก๊อกกระด่าน” หมายถึงสายน้ำที่ไหลผ่านซอกหินผา น้ำตกแห่งนี้มีน้ำไหลตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูฝนที่งดงามเป็นพิเศษ รายล้อมด้วยมอสและเฟิร์นสีเขียวสด สร้างบรรยากาศธรรมชาติที่ชุ่มชื้น

  • เหมืองปิล็อก

อดีตเหมืองดีบุกสำคัญที่ถูกทิ้งร้างมากว่า 30 ปี คำว่า “ปิล็อก” เชื่อกันว่าเพี้ยนมาจากเสียงคำว่า “ผีหลอก” สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและกลิ่นอายประวัติศาสตร์ เหมาะสำหรับการถ่ายทำที่ต้องการบรรยากาศลึกลับหรือการผจญภัย


ประจวบศีรีขันธ์

ประจวบศีรีขันธ์ ดินแดนชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ อำเภอปราณบุรี เป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างหลากหลาย ทั้งภูเขา ทะเล แม่น้ำ และป่าโกงกาง พื้นที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการกลิ่นอายวิถีชุมชนดั้งเดิม ความโรแมนติกของชายฝั่งทะเล และการผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ หมู่บ้านประมงปากน้ำปราณบุรี วนอุทยานปราณบุรี วนอุทยานท้าวโกษา และ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในอำเภอปราณบุรี และสามารถสร้างมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์

  • หมู่บ้านประมงปากน้ำปราณบุรี

ชุมชนชาวประมงพื้นบ้านที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 232 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ควบคู่กับการปรับตัวตามสังคมปัจจุบัน พร้อมแนวคิดการประมงอย่างยั่งยืน เช่น ธนาคารปูม้า เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ภาพวิถีประมงพื้นบ้านและเชิงพาณิชย์ยังคงปรากฏอย่างกลมกลืน

  • วนอุทยานปราณบุรี

อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมงปากน้ำปราณบุรีประมาณ 25 นาที มีพื้นที่ทั้งหมด 919 ไร่ เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำก่อนออกสู่ทะเลกว้าง ช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับชายฝั่งและท้องทะเลปราณบุรี

  • วนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก)

ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปราณบุรีประมาณ 11 นาที ภูเขาหินที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 25 เมตร ภายในมีถ้ำเล็กใหญ่กว่า 30 แห่ง เส้นทางเดินไป หาดคุ้งทราย มีความลาดชัน ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินเท้าราว 15 นาที หาดคุ้งทรายเป็นหาดลับที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เงียบสงบ และให้ภาพหาดทรายกับโขดหินที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงน้ำลด

  • อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

อยู่ห่างจากตัวเมืองปราณบุรีประมาณ 28 นาที มีพื้นที่ราว 98 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอำเภอกุยบุรีและอำเภอสามร้อยยอด นับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย โดดเด่นด้วยภูมิประเทศเทือกเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน สร้างบรรยากาศยิ่งใหญ่และน่าค้นหา


ตรัง

ตรัง ดินแดนธรรมชาติอันดามัน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างลงตัว ทั้งความหลากหลายของธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ พื้นที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการบรรยากาศอบอุ่น โรแมนติก ผสมผสานกับวัฒนธรรมและการผจญภัยลึกลับท่ามกลางธรรมชาติ ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ วังผาเมฆ วิหารคริสตจักรตรัง และ หาดปากเมง ซึ่งล้วนสะท้อนตัวตนของจังหวัดตรังได้อย่างชัดเจน พร้อมมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์

  • วังผาเมฆ

ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสายควนและป่าอ้ายกลิ้ง เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามของจังหวัดตรัง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร ในช่วงเช้าตรู่จะเกิดทะเลหมอกปกคลุมผืนป่า เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่อง หมอกจะเปล่งประกายเป็นสีทองอร่าม ทางทิศตะวันตกสามารถมองเห็นปากอ่าว ชายหาด และหมู่เกาะต่างๆ บนท้องทะเลอันดามันของจังหวัดตรังได้อย่างชัดเจน

  • วิหารคริสตจักรตรัง

โบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปี มีอักษรจารึกเหนือบันไดทางเข้าว่า “วิหารคริสต์ศาสนา สร้างปี พ.ศ. 2458” จุดเริ่มต้นมาจากการสร้างโรงพยาบาลทับเที่ยงและการเผยแผ่ศาสนาโดยคณะมิชชันนารีชาวอเมริกัน เดิมเรียกว่า คริสต์จักรทับเที่ยง ต่อมาในปี พ.ศ. 2455 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอนุญาตให้สร้างวิหารคริสตจักร จากเดิมที่เป็นเพียงหอระฆังลักษณะคล้ายป้อมทหารโบราณ ปัจจุบันมีการสร้างวิหารหลังใหม่ขึ้นโดยจัดวางระยะอย่างเหมาะสม ทำให้วิหารเดิมยังคงโดดเด่นและงดงามทางสถาปัตยกรรม

  • ปากเมง

ชายหาดรูปพระจันทร์เสี้ยว อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม เป็นชายหาดที่เงียบสงบและสวยงาม เมื่อน้ำลดต่ำสุดจะมีความกว้างถึงประมาณ 500 เมตร ถนนทางไปหาดปากเมงทอดยาวกว่า 5 กิโลเมตร สองข้างทางเรียงรายด้วยต้นสนทะเล มีจุดสังเกตคือภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายยักษ์นอนหงาย เรียกว่า เขาแมง หรือ เกาะเมง และในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเจ้าไหมยังมีสะพานคอนกรีต 2 แห่ง ซึ่งนิยมใช้เป็นจุดตกปลาและถ่ายภาพบรรยากาศทะเลอันดามัน


ปัตตานี

ปัตตานี ดินแดนพหุวัฒนธรรม เป็นจังหวัดที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชุมชน และสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม พื้นที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ที่ต้องการบรรยากาศอบอุ่น โรแมนติก แฝงด้วยเรื่องเล่า ความศรัทธา และการผจญภัยลึกลับน่าค้นหา ตัวอย่างโลเคชันเด่นที่ใช้ในการถ่ายทำ ได้แก่ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มัสยิดกรือเซะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และ ย่านเมืองเก่ากือดาจีนอ ซึ่งล้วนสะท้อนตัวตนของปัตตานีได้อย่างชัดเจน พร้อมมุมกล้องที่สวยงาม ครบทุกอารมณ์

มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

มัสยิดที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและงดงาม จนได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2497 บริเวณริมถนนสายปัตตานี – ยะลา บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจสำคัญของชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในช่วงวันสำคัญทางศาสนา ภาพของมัสยิดที่สะท้อนเงาลงบนผืนน้ำ สร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ สงบ และงดงาม

  • มัสยิดกรือเซะ

ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นมัสยิดโบราณก่ออิฐถือปูนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ช่วงเวลาการก่อสร้างยังเป็นที่ถกเถียงกันในทางประวัติศาสตร์ โครงสร้างโดมที่ไม่สมบูรณ์ทำให้มัสยิดไม่สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามเดิม ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเพื่ออนุรักษ์คุณค่าทางสถาปัตยกรรม มัสยิดกรือเซะจึงเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องเล่า ตำนาน และบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา

  • ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

ศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองปัตตานี ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่ากือดาจีนอ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2117 ศาลเจ้าแห่งนี้ผูกโยงกับตำนานความรัก ความกตัญญู และความศรัทธา ตามเรื่องเล่าของลิ้มกอเหนี่ยวที่เดินทางมาตามหาพี่ชาย แต่ไม่อาจทำให้เขากลับบ้านเกิดได้ เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นตำนานที่เชื่อมโยงกับมัสยิดกรือเซะ และยังคงได้รับการเคารพบูชาจนถึงปัจจุบัน

  • กือดาจีนอ

ย่านเมืองเก่าปัตตานี ชื่อ “กือดาจีนอ” ในภาษามลายูแปลว่า ตลาดจีน ตั้งอยู่บริเวณถนนอาเนาะรู เป็นพื้นที่ที่ชาวจีนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนและชิโน – ยุโรเปียน ปัจจุบันเป็นชุมชนที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน โดดเด่นทั้งด้านวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และการฟื้นฟูย่านเมืองเก่าผ่านงานศิลปะ สตรีทอาร์ต และประติมากรรม ทำให้กือดาจีนอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


เป็นอย่างไรบ้างกับความสวยงามของโลเคชั่นในประเทศไทยของเรา อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการนี้ แล้วมาร่วมสนับสนุน วัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทยให้ดังไกลไปด้วยกัน ติดตามผลงานโครงการแบบเต็มๆ ได้ที่ได้ที่ เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพจไทยลาวทูเกทเทอร์ และ เพจกินดีอยู่เหนือ

Review by:

Tags: